การตระหนักในความปลอดภัยของพลังงานนิวเคลียร์ในเวียดนามทำให้โครงการของญี่ปุ่นล่าช้าออกไป
การเพิ่มขึ้นของการตะหนักในความปลอดภัยของเวียดนามส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์การบริหารของนายอาเบะที่ต้องการส่งออกเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
นาย Nguyen Tan Dung นายกรัฐมนตรีเวียดนามชี้ว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกที่คาดว่าจะเริ่มในปีนี้ถูกเลื่อนเวลาออกไปในปี ค.ศ. 2020 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้โครงการจะไม่ดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีมาตรฐานตามที่ต้องการ
การชะลอโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลยี์นี้ส่งผลกระทบต่อโดรงไฟฟ้าแห่งแรกที่จะสร้างขึ้นที่ Phuoc Dinh ในจังหวัด Ninh Thuan ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยเป็นการก่อสร้างโดยรัสเซีย
แน่นอนว่าโครงการก่อสร้างแห่งที่สองที่เมือง Vinh Hai ในจังหวัด Ninh Thuan ที่ควบคุมโดยบริษัทร่วมทุนของญี่ปุ่นจะล่าช้าออกไปด้วย ทั้งนี้โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์โดยญี่ปุ่นในเวียดนาม มีมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 1 ล้านล้านเยน และคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างราวปี ค.ศ. 2020
โดยเจ้าหน้าที่ของเวียดนามได้ดำเนินการทบทวนความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มากขึ้นภายหลังจากเหตุการณ์อุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมะของญี่ปุ่นในปี 2011 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังส่งผลกระทบต่อนโยบายการส่งออกเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
-------------------
This article was written by Manabu Sasaki in Hanoi and Yuriko Suzuki in Tokyo. Izumi Sakurai contributed to this article.
This news was published on January 18, 2014.
Source: http://ajw.asahi.com/article/asia/south_east_asia/AJ201401180056
