บทสรุปภายหลังการประชุมของกลุ่มบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ได้เพิ่มเติมรายละเอียดของการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในเมียนมาร์ ท่ามกลางความกระตือรือร้นอย่างมากของญี่ปุ่นต่อพรมแดนสุดท้ายทางเศรษฐกิจของเอเซีย

กลุ่มบริษัทร่วมทุนถูกก่อตั้งขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อริเริ่มการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองย่างกุ้งบนพื้นที่กว่า 1,000 เอเคอร์ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้เชื่อมต่อกับเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาละ (Thilawa) ที่ญี่ปุ่นชนะการประมูลเมื่อปีที่ผ่านมา

การร่วมทุนดังกล่าวถือครองโดยกลุ่มบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น 49% (ได้แก่ Mitsubishi Corp., Sumitomo Corp., and Marubeni Corp) และเมียนมาร์ 51% 

การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาละให้สำเร็จนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประธานาธิบดีเต็งเส่ง ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับความไม่พอใจทางเศรษฐกิจของประชาชนในเมืองย่างกุ้ง และเพื่อเป็นการเผชิญหน้ากับความท้าทายทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้ามที่นำโดยนางออง ซาน ซู จี สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2015

สำหรับญี่ปุ่นการได้เป็นหุ้นส่วนกับเมียนมาร์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของเมียนมาร์สู่การปกครองโดยพลเมือง ขณะที่ญี่ปุ่นได้แสวงหาช่องทางการขยายการมีส่วนร่วมของญี่ปุ่นในเขตเศรษฐกิจของประเทศเอเซีย ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการถ่วงดุลกับจีนที่ครอบงำชาติในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาอย่างยาวนาน

โครงการที่เป็นสัญลักษณของหุ้นส่วนแบบทวิภาคีนี้ยังเผยให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างเมียนมาร์และชุมชนท้องถิ่นในเรื่องการย้ายที่อยู่อาศัยและการจ่ายค่าตอบแทนซึ่งบังคับให้ญี่ปุ่นต้องมีส่วนร่วมและเข้าแทรกแซงการเจรจาดังกล่าว

ความร่วมมือดังกล่าวจะทำการพัฒนาถนน ระบบบำบัดนำเสีย รวมถึงเครือข่ายการกระจายแหล่งน้ำและพลังงานบนพื้นที่ทั้งหมดซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 17 ล้านล้านเยน และคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2015

และอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้แก่อุตสาหกรรมเบา เช่น รองเท้า เสื้อผ้า ที่สามารถได้ประโยชน์จากการมีค่าแรงถูกในเมียนมาร์และการส่งออกไปยังจีน ญี่ปุ่น รวมถึงตลาดอื่นๆในเอเซีย และในอนาคตนิคมอุตสาหกรรมจะสามารถดึงดูดอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์ได้

สำหรับอุปสรรคที่ยังคงมีอยู่คือ ความขัดแย้งกับชุมชนท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับพื้นที่ทำกินที่นำไปใช้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ส่วนการจัดหาพลังงาน น้ำ และระบบการคมนาคมของเขตเศรษฐกิจพิเศษยังคงเป็นสิ่งที่ต้องรับการช่วยเหลือจากญี่ปุ่น

--------------

Writer: Mitsuru Obe

This news was published on November 5, 2013.

Source: http://blogs.wsj.com/japanrealtime/2013/11/05/moving-forward-in-myanmar-in-fits-and-starts/