11 ปี 11 มี.ค. 2011 มหาภัยพิบัติ 3 ประการ ในภูมิภาคโทโฮกุกับปัญหาที่ภาครัฐยังไม่สามารถจัดการได้
11 ปี 11 มี.ค. 2011 มหาภัยพิบัติ 3 ประการ ในภูมิภาคโทโฮกุกับปัญหาที่ภาครัฐยังไม่สามารถจัดการได้
บทความโดย กฤชวัฒน์ วัฒนคำแสง
ผู้ช่วยนักวิจัยประจำโครงการ JWP
- เหตุการณ์ และผลกระทบอันเนื่องมาจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว สึนามิ และภัยพิบัตินิวเคลียร์ในจังหวัด ฟูกูชิมะ ภูมิภาคโทโฮกุ ประเทศญี่ปุ่น
วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 เวลา 14.46 นาฬิกาตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่นเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 9.0 มาตราแมกนิจูด โดยมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ (Miyagi) ทางตะวันออกประมาณ 130 กิโลเมตร[1] ซึ่งห่างจากโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ (Fukushima Daiichi Nuclear Power Plant) ประมาณ 97 กิโลเมตร[2] แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ครั้งแรกได้ส่งผลทำให้จังหวัดต่าง ๆ ได้รับผลกระทบจากแรงแผ่นดินไหวใหญ่ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ต่อมาไม่กี่นาทีได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ซ้ำโดยมีขนาด 8.9 มาตราแมกนิจูด การไหวครั้งที่สองนี้ส่งผลให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่ถล่มในหลายเมืองในจังหวัดที่อยู่ทางด้านตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นซึ่งรวมไปถึงจังหวัดฟูกูชิมะที่มีโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ตั้งอยู่ในเมืองโอคุมะ (Okuma) จังหวัดฟูกูชิมะ ภูมิภาคโทโฮกุ โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิประกอบไปด้วยโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ย่อยทั้งหมด 6 โรงงาน ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น และบริหารโดยบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียวหรือ “Tokyo Electric Power Company; TEPCO” ทั้งหมด
ภายหลังที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งสาม ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิเป็นอย่างมาก กล่าวคือ ในวันที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งสองโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิแห่งที่ 1, 2 และ 3 ได้เปิดทำงาน ในขณะที่โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิแห่งที่ 4, 5 และ 6 มิได้มีการทำงาน เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น ระบบหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถูกปรับมาใช้พลังงานจากเครื่องปั่นไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของแกนกลาง เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
หากแต่สถานการณ์การจัดการกับระบบหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มีปัญหาอีกครั้ง เนื่องจาก สึนามิขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่า 14 เมตร ในขณะที่กำแพงป้องกันคลื่นสูงเพียง 5.7 เมตรไม่สามารถป้องกันคลื่นสึนามิได้ และคลื่นสึนามิได้เข้าท่วม โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิแห่งที่ 1-4 โดยตรง ส่งผลให้ระบบหล่อเย็นที่ใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานน้ำมันไม่สามารถทำงานได้ ทำให้อุณหภูมิของแกนกลางเตาปฏิกรณ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนนำไปสู่การหลอมละลายของแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมด 3 แกนในโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไอดิจิแห่งที่ 1[3] และการระเบิดของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิแห่งที่ 1, 3 และ 4[4] ตามมา ส่งผลให้กัมมันตภาพรังสีแพร่กระจายทั้งทางน้ำ และทางอากาศ ทั้งนี้บริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) ในฐานะผู้ดูแลโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการสูบน้ำทะเลมาใช้เพื่อหล่อเย็น และควบคุมอุณหภูมิแกนกลางเตาปฏิกรณ์ไม่ให้เกิดการละลาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทพลังงานไฟฟ้า โตเกียว (TEPCO) ใช้น้ำทะเลเพื่อหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มากกว่า 1 ล้านตัน[5] น้ำทะเลที่ถูกนำมาใช้หล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แล้วจะถูกจัดเก็บในแท็งก์น้ำเหล็กขนาดใหญ่มากกว่า 1,000 ถัง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะปรับค่ากัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำให้ลดลง และปล่อยคืนสู่ทะเลได้โดยไม่ก่อมลพิษให้แก่ธรรมชาติ และสัตว์น้ำในบริเวณนั้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งสามส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และสูญหายจำนวน 18,500 คน มีการอพยพประชากรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงรัศมี 20 กิโลเมตรจากโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะออกจากพื้นที่ จำนวน 470,000 คน[6] นอกจากนี้แล้วประชากรส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงทันทีจากเหตุการณ์โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะด้วย เช่น มีประชากรเสียชีวิต 1 ราย ด้วยโรคมะเร็งอันเนื่องมาจากการรับสารกัมมันตภาพรังสีมากจนเกินไป มีผู้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวน 40 ราย และมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดของไฮโดรเจนจากโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์จำนวน 13 ราย[7]
รูปภาพที่ 1: รูปภาพแสดงที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิทั้งหมด 6 โรงงาน
ที่มา: Aerial view of the station in 1975, showing separation between units 5 and 6, and 1–4. Unit 6, not completed until 1979, is seen under construction. (n.d.). Retrieved from Wikipedia:https://en.wikipedia.org/wiki/Fukushima_nuclear_disaster#/media/File:Fukushima_I_NPP_1975_medium_crop_rotated_labeled.jpg
ภายหลังที่เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ในจังหวัดฟูกูชิมะ ภูมิภาคโทโฮกุ ประชาชนจำนวนมากออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาลญี่ปุ่น และผู้ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ รัฐสภาญี่ปุ่นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสืบสวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผลของการสอบสวนปรากฏในรายงานสรุปว่า ภัยพิบัตินิวเคลียร์ในจังหวัดฟูกูชิมะ ภูมิภาคโทโฮกุ เป็น “ภัยพิบัติที่เกิดจากฝีมือมนุษย์อย่างแท้จริง” (a profoundly man-made disaster) และได้เสนอให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) ทั้งหมด 3 คน ได้แก่ Tsunehisa Katsumat, Ichiro Takekuro and Sakae Muto อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2019 ศาลได้ตัดสินว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสามคนไม่มีความผิด นอกจากนี้ ศาลยังได้สั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่นจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ที่อพยพออกจากพื้นที่[8]
ตารางที่ 1 สาเหตุของการเสียชีวิตในเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งสามในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011
Major causes of disaster-related death |
All three |
Fukushima |
Ratio |
Physical and psychological exhaustion through evacuation life |
683 |
433 |
63.3 |
Physical and psychological exhaustion through travelling to evacuation area |
401 |
380 |
94.8 |
Worsening of pre-existing illnesses due to dysfunction of |
283 |
186 |
65.7 |
Physical and psychological stress due to earthquake and tsunami |
150 |
38 |
25.3 |
Delay in initial treatment due to dysfunction of hospital |
90 |
51 |
56.7 |
Physical and psychological stress due to nuclear accident |
34 |
34 |
97.1 |
Delay in initial treatment due to traffic conditions |
17 |
17 |
23.5 |
ที่มา: Hayakawa, M. (2016). Increase in disaster-related deaths: risks and social impacts of evacuation. ICRP, 123-128. Retrieved from National Library of Medicine: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/27703057/
- ปัญหาการจัดการน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีอันเนื่องมาจากการรักษาระดับอุณหภูมิเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในจังหวัดฟูกูชิมะ ภูมิภาคโทโฮกุ
ในปัจจุบันบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) ได้ใช้ระบบหล่อเย็นด้วยการใช้น้ำเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งที่ 1-4 เพื่อไม่ให้แกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลาย โดยตามแผนแล้ว บริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency; IAEA) จะเริ่มมีการปล่อยน้ำที่นำมาใช้ในระบบหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์คืนสู่ทะเลภายในปี ค.ศ. 2023[9] จนถึง ค.ศ. 2050[10] ซึ่งเลื่อนจากกำหนดการเดิมที่จะเริ่มปล่อยน้ำคืนสู่ทะเลในปี ค.ศ. 2022[11] ทั้งนี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่น บริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) IAEA และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ยืนยันว่าน้ำที่ใช้ในการหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มีระดับการปนเปื้อนของกัมมันตภาพรังสีที่ต่ำกว่ามาตรฐานกำหนด และไม่ก่อมลพิษให้แก่สภาพแวดล้อม ประชาชนที่อาศัย และสัตว์ทะเล หากแต่แผนการปล่อยน้ำที่ใช้ในระบบหล่อเย็นของบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) ที่จะเริ่มปล่อยในปี ค.ศ. 2023 ก็ถูกคัดค้านอย่างรุนแรงทั้งจากประเทศที่มีพรมแดนทางทะเลใกล้เคียงกันอย่างประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน และประเทศจีน จากองค์กรเอกชนระหว่างประเทศต่าง ๆ และจากประชาชนภายในประเทศ
ท่าทีของประเทศเกาหลีใต้ ประเทศจีน และไต้หวันทั้งในระดับรัฐ และระดับประชาชน และรวมไปถึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางด้านสิ่งแวดล้อมบางกลุ่มในประเทศญี่ปุ่นต่อปฏิบัติการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไฟกูชิมะไดอิจิลงทะเลมีท่าทีที่สอดคล้องกัน นั่นคือ “การคัดค้านปฏิบัติการของประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้” โดยให้ความเห็นว่า การปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์นั้นมีธาตุกัมมันตภาพรังสีอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สภาพแวดล้อม และสัตว์ทะเลในระยะยาว ตัวอย่างท่าที และกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการคัดค้านความพยายามในการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไฟกูชิมะไดอิจิลงทะเล ได้แก่
- โจแอน อู (Joanne Ou) โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ ไต้หวัน ได้กล่าวอย่างเป็นทางการในเรื่องความพยายามของประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไฟกูชิมะไดอิจิลงทะเลว่า “กระทรวงการต่างประเทศจะคอยสังเกตความเป็นกังวลต่อไต้หวันในอนาคต และติดตามการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด” นอกจากนี้ในแถลงการณ์ยังระบุว่า “รัฐบาลญี่ปุ่นได้แจ้งให้เรา (ไต้หวัน) ทราบก่อนที่จะตัดสินใจอย่างเป็นทางการ และได้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกกำหนดโดยคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันรังสี (international Commission on Radiological Protection; ICRP) เพื่อเจือจาง กรอง ทำให้บริสุทธิ์ก่อนปล่อย และเพื่อให้ข้อมูลแก่สังคมระหว่างประเทศ”[12]
- วันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2021 จ้าว ลี่เจี่ยน (Zhao Lijian) โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศจีนก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกันว่า “เป็นการแสดงออกถึงการขาดความรับผิดชอบอย่างยิ่ง” (extremely irresponsible) ของประเทศญี่ปุ่น[13] นอกจากนี้ยังมีการแถลงเพิ่มเติมอีกว่า “องค์การระหว่างประเทศที่มีอำนาจ และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการปล่อยน้ำที่มีการปนเปื้อนของ tritium จากโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ฟูกูชิมะลงสู่ทะเลจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล และสุขภาพของประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน”
- วันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2021 นักศึกษามหาวิทยาลัยโซล กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้จัดกิจกรรมตัดผมหน้าสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศเกาหลีใต้เพื่อประท้วงความพยายามของประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไฟกูชิมะไดอิจิลงทะเล
- วันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 กลุ่มเคลื่อนไหวทางด้านสิ่งแวดล้อม ประเทศเกาหลีใต้ได้จัดกิจกรรมต่อต้านการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ฟูกูชิมะไดอิจิลงทะเลหน้าสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศเกาหลีใต้[14]
- ในช่วงเดือนธันวาคม ค.ศ. 2021 รัฐบาลเกาหลีใต้แถลงอย่างเป็นทางการต่อความพยายามของประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิลงทะเลว่า “พวกเราแสดงท่าทีเป็นกังวลต่อความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมจากสิ่งที่จะปล่อยออกมา”[15]
- นายคันจิ ตาชิยะ (Kanji Tachiya) ผู้ซึ่งเป็นประธานกลุ่มความร่วมมือระหว่างชาวประมงท้องถิ่นในจังหวัดฟูกูชิมะ ได้แสดงความเห็นว่า “พวกเขา (รัฐบาลญี่ปุ่น และบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว) ได้แจ้งให้แก่ชาวประมงทราบว่าจะไม่มีการปล่อยน้ำที่ใช้ในระบบการหล่อเย็นเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จนกว่าจะได้รับการสนับสนุนจากชาวประมงท้องถิ่น”[16]
รูปภาพที่ 2 ค่าระดับกัมมันตภาพรังสี millisievert (mSv) ที่มีผลต่อร่างกาย
ที่มา: Fukushima nuclear disaster , effects of radiation and maps of radiation readings. (2011, June 25). Retrieved from Noor’s List: https://noorslist.wordpress.com/tag/japan/
ตัวอย่างองค์กรเอกชนระหว่างประเทศที่แสดงท่าทีคัดค้านอย่างรุนแรงต่อการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไฟกูชิมะไดอิจิ ได้แก่ องค์กรกรีนพีซ (Greenpeace) ภายในปี ค.ศ. 2020 องค์กรกรีนพีซได้ออกรายงานการศึกษาเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี และมลพิษอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ชื่อว่า “The reality of the Fukushima radioactive water crisis” ซึ่งรายงานดังกล่าวนี้ได้ระบุว่าน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มีการปนเปื้อนธาตุ strontium-90 carbon-14 และกัมมันตภาพรังสีอื่น ๆ ที่มีโอกาสทำให้ผู้ที่ได้รับเป็นโรคมะเร็งในอนาคต ซึ่งข้อมูลของรายงานฉบับนี้ขัดแย้งกับข้อมูลในรายงานของรัฐบาลญี่ปุ่น บริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว และ IAEA ที่ระบุว่าน้ำที่ใช้หล่อเย็นนั้นถูกปรับสภาพให้มีความปลอดภัย และไม่ทำให้ผู้ที่ได้รับมีโอกาสเป็นมะเร็ง และไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม และสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ทั้งสามหน่วยงานยังกล่าวว่า น้ำที่ใช้หล่อเย็นที่จะปล่อยคืนสู่ทะเลนั้นมีแค่ธาตุ tritium และอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานกำหนด นอกเหนือจากการถกเถียงเรื่องธาตุที่ปนเปื้อนในน้ำที่จะปล่อยคืนสู่ทะเลแล้ว รายงานฉบับนี้ได้ตั้งข้อสังเกตที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการกัมมันตภาพรังสี และมลพิษโดยรอบโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- การปนเปื้อนธาตุกัมมันตภาพรังสีของน้ำบาดาลโดยเฉพาะโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ฟูกูชิมะไดอิจิแห่งที่ 1 ข้อมูลจากรายงานระบุว่าธาตุ corium อันเกิดมาจากการหลอมละลายของแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ส่งผลให้น้ำบาดาลโดยรอบในพื้นที่มีการปนเปื้อนธาตุ กัมมันตภาพนี้ด้วยเช่นกัน โดยคาดการณ์ว่ามีน้ำบาดาลปนเปื้อนธาตุ corium มากกว่า 500,000 ตัน และจะเพิ่มจำนวนเป็น 1 ล้านตันภายในปี ค.ศ. 2030
- การไม่ให้ความสำคัญกับน้ำที่มีการปนเปื้อนธาตุ carbon-14 และธาตุ tritium ซึ่งธาตุทั้งสองถือได้ว่ามีความสำคัญในฐานะที่สร้างผลกระทบต่อผู้ที่ได้รับ และสิ่งแวดล้อม รายงานฉบับนี้ของกรีนพีซได้เขียนวิจารณ์ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการปนเปื้อนของน้ำที่จะปล่อยคืนสู่ทะเลอย่างครบถ้วน โดยมีประเด็นที่สำคัญ คือ การไม่เปิดเผยว่าระบบ The Advanced Liquid Processing System (ALPS) ซึ่งเป็นระบบขจัดธาตุกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนในน้ำออกนั้นไม่สามารถขจัดธาตุ carbon-14 และธาตุ tritium ซึ่งเป็นธาตุที่อันตรายต่อร่างกาย และสภาพแวดล้อมได้ ภาครัฐเพียงแต่บอกว่ามีธาตุเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถขจัดได้ นั่นคือ tritium และยังระบุว่าธาตุดังกล่าวมีการปนเปื้อนในน้ำน้อยกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดเอาไว้ นอกจากนี้ ในบางครั้งที่มีการตรวจแท็งก์น้ำก็จะพบธาตุที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม เช่น ธาตุ strontium-90 อีกด้วย
- ระบบ The Advanced Liquid Processing System (ALPS) มีข้อบกพร่อง บริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) ได้เลือกให้ Toshiba and Hitachi General Nuclear Electric (HGNE) เป็นผู้ดำเนินการระบบ ALPS ในการขจัดกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนในน้ำออกให้หมดแทนที่จะใช้ระบบเทคโนโลยีแลกเปลี่ยนไอออน (ion exchange technology) ที่ถูกเสนอโดยสหรัฐอเมริกา องค์กรกรีนพีซตั้งข้อสงสัยต่อทั้งระบบการขจัดกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนในน้ำ และผู้ดำเนินการระบบ ALPS กล่าวคือ องค์กรกรีนพีซตั้งข้อสงสัยว่าทำไมบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียวจึงเลือกระบบ ALPS ซึ่งมีประสิทธิภาพในการขจัดธาตุปนเปื้อนได้น้อยกว่าเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา และตั้งข้อสงสัยว่าทำไมบริษัทพลังงานไฟฟ้าโตเกียวจึงเลือกโตชิบา และฮิตาชิ ซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการขจัดธาตุกัมมันภาพรังสีที่ปนเปื้อนออกจากน้ำมาเป็นผู้ดำเนินการระบบในครั้งนี้[17]
กล่าวโดยสรุปแล้ว แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะได้รับการรองรับจาก IAEA ว่าสามารถปฏิบัติการปล่อยน้ำที่ใช้ในกระบวนการหล่อเย็นแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิได้ เนื่องจาก ระดับกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สภาพแวดล้อม และสัตว์ทะเลภายในบริเวณนั้น หากแต่หลายประเทศที่มีพรมแดนทางทะเลติดกับประเทศญี่ปุ่น และองค์กรเอกชนระหว่างประเทศอย่างกรีนพีซก็แสดงท่าทีคัดค้านปฏิบัติการดังกล่าวของญี่ปุ่นในครั้งนี้ โดยให้ความเห็นว่า ญี่ปุ่นไม่มีความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบบการตรวจประเมินคุณภาพของการปนเปื้อนของธาตุกัมมันตภาพรังสีไม่น่าเชื่อถือ และมีการปิดบังข้อมูลบางประการ รวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยน้ำลงสู่ทะเลต่อมนุษย์ สภาพแวดล้อม และสัตว์น้ำในอนาคต
- บทสรุป และนัยสำคัญต่อประเทศไทย
“ทะเล” หรือ “มหาสมุทร” ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินส่วนรวมของทุกประเทศ มิใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง ดังนั้นการจัดการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “ทะเล” หรือ “มหาสมุทร” อาทิ การจัดการน้ำ การจัดการทรัพยากรในน้ำ การจัดสรรการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลหรือมหาสมุทร จำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายระหว่างประเทศเป็นบรรทัดฐานสำหรับกำกับการแสวงหาผลประโยชน์จากทะเลหรือมหาสมุทรต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันก็มี “อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล” หรือ “United Nations Convention on the Law of the Sea” ทำหน้าที่เป็นบรรทัดฐานของการใช้ทรัพยากรทางทะเลหรือมหาสมุทรระหว่างประเทศ
เมื่อนำเรื่องการใช้ประโยชน์ร่วมกัน และการไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของทรัพยากรที่มีร่วมกันอย่างทะเลหรือมหาสมุทรมาเชื่อมโยงกับการปล่อยน้ำที่ใช้หล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของประเทศญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่า การที่ประเทศต่างๆ ที่ใช้ทรัพยากรทางทะเลร่วมกับประเทศญี่ปุ่น อันได้แก่ ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศจีน และไต้หวัน ต่างก็มีข้อสงสัยต่อความปลอดภัย และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทะเลโดยรวม และรวมไปถึงมนุษย์ด้วยนั้น ทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นทันที และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันเนื่องมาจากการจัดการปล่อยน้ำที่ใช้หล่อเย็น เป็นผลมาจากการที่ประเทศญี่ปุ่นมองแค่เพียงว่าการปล่อยน้ำที่เคยใช้หล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่ในขอบเขตทะเลของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเรื่องการจัดการภายในประเทศของญี่ปุ่นเอง จึงมิได้เชิญประเทศเหล่านี้เข้าร่วมในปฏิบัติการปล่อยน้ำที่เคยใช้หล่อเย็นลงสู่ทะเลดังกล่าว ส่งผลให้แต่ละประเทศก็มีข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน ความเข้าใจที่ไม่ตรงกันระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศที่ใช้ทรัพยากรทางทะเลร่วมกัน อันนำไปสู่ความไม่พอใจซึ่งกันและกัน และความหวาดระแวงในระดับระหว่างประเทศทั้งในภาครัฐ ภาคประชาชน รวมไปถึงภาคประชาสังคม
เมื่อนำสองประเด็นข้างต้นเชื่อมโยงกับสถานการณ์การใช้ประโยชน์ทางทะเลของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าประเทศไทยมักจะมีปัญหาที่เกิดขึ้นในขอบเขตน่านน้ำของไทยที่อาจจะส่งผลต่อประเทศอื่น ๆ ที่แสวงหาผลประโยชน์จากทะเลหรือมหาสมุทรเป็นระยะ เช่น ปัญหาขยะในทะเล ปัญหาคราบน้ำมัน และสารเคมีอันเกิดมาจากการรั่วไหลจากภาคอุตสาหกรรม การปล่อยน้ำที่ไม่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนลงสู่ทะเลของภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น แม้ว่าประเทศไทยจะมีมาตรฐานการปล่อยน้ำเสียลงสู่ทะเลทั้งในภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรมอย่าง “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๐” หรือ “มาตรฐาน และตัวชี้วัดในการจัดการมลพิษทางน้ำ กรมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย” หากแต่ปัญหาการปล่อยน้ำเสีย และของเสียลงสู่ทะเลก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ทางด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ทั้งนี้ปัญหาเกิดจากศักยภาพในการบำบัดน้ำเสียของท้องถิ่นไม่เพียงพอ กรณีตัวอย่างเช่น กรณีเมืองพัทยาที่ต้องรองรับน้ำเสียเพื่อบำบัดก่อนปล่อยลงสู่ทะเลมากกว่า 80,000 ลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ระบบบำบัดมีศักยภาพรองรับได้เพียง 65,000 ลูกบาศก์เมตร เท่านั้น[18] และเกิดจากการละเมิดมาตรฐานการปล่อยน้ำเสีย และของเสียที่รัฐกำหนดไว้ทั้งในภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม กรณีตัวอย่างเช่น จากข้อมูลปี ค.ศ. 2013 ประเทศไทยมี “ขยะทะเล” สะสมมากกว่า 10.78 ล้านตัน ซึ่งขยะเหล่านี้ล้วนมาจากการละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล และละเมิดมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด[19]
การจัดการกับปัญหาการปล่อยน้ำเสีย และของเสียลงสู่ทะเล จำเป็นที่จะต้องสร้างการมีส่วนร่วมทั้งในระดับภาครัฐไปจนถึงภาคประชาชน รวมไปถึงสร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคที่เผชิญปัญหาเช่นเดียวกันเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน ทั้งนี้เพราะ ทะเล และทรัพยากรทางทะเลเป็นสิ่งที่ทุก ๆ ประเทศ ทุก ๆ คนต่างเป็นเจ้าของร่วมกัน
เชิงอรรถ
[1] Pletcher, K. (2022, April 22). Japan earthquake and tsunami of 2011. Retrieved from Britannica: https://www.britannica.com/event/Japan-earthquake-and-tsunami-of-2011
[2] Fukushima disaster: What happened at the nuclear plant? (2021, March 10). Retrieved from BBC: https://www.bbc.com/news/world-asia-56252695
[3] Free temporary housing for Fukushima evacuees to mostly end in March '20. (2018, August 28). Retrieved from the mainichi: https://mainichi.jp/english/articles/20180828/p2a/00m/0na/008000c
[4] Luangdilok, W. (2020). The explosions at Fukushima Daiichi Unit 3 and Unit 4 and implications on the evaluation of 1F3 accident. Nuclear Engineering and Design, 1-10.
[5] Why Japan will release contaminated water from Fukushima into the ocean. (2021, June 4). Retrieved from Lifegate: https://www.lifegate.com/fukushima-water-release-safecast
[6] Fukushima disaster: Nuclear executives found not guilty. (2019, September 19). Retrieved from BBC: https://www.bbc.com/news/world-asia-49750180
[7] Ibid.
[8] Ibid.
[9] IAEA, Japan Agree on Timeline for Safety Review of Water Release at Fukushima Daiichi. (2021, September 09). Retrieved from IAEA: https://www.iaea.org/newscenter/pressreleases/iaea-japan-agree-on-timeline-for-safety-review-of-water-release-at-fukushima-daiichi
[10] Burnie, S. (2020). The reality of the Fukushima radioactive water crisis. Greenpeace Germany.
[11] Fukushima: Japan 'to release contaminated water into sea'. (2020, October 16). Retrieved from BBC: https://www.bbc.com/news/world-asia-54566978
[12] Reuters. (2021, April 13). Countries react to Japan’s plans to release Fukushima water into ocean. Retrieved from Reuters: https://www.reuters.com/business/environment/countries-react-japans-plans-release-fukushima-water-into-ocean-2021-04-13/
[13] China: Japan's plan to dump radioactive water 'extremely irresponsible'. (2021, April 13). Retrieved from CGTN: https://news.cgtn.com/news/2021-04-13/China-expresses-serious-concern-over-Japan-s-plan-on-wastewater--
[14] Nogrady, B. (2021, May 07). Scientists OK plan to release one million tonnes of waste water from Fukushima. Retrieved from Nature: https://www.nature.com/articles/d41586-021-01225-2
[15] S. Korea voices concerns about Japan's Fukushima water release plan. (2021, December 03). Retrieved from Yonhap News Agency: https://en.yna.co.kr/view/AEN20211203010000320
[16] Craft, L. (2021, April 13). Protests as Japan says it will dump radioactive water from crippled Fukushima nuclear plant into the Pacific. Retrieved from CBS NEWS: https://www.cbsnews.com/news/japan-fukushima-radioactive-wastewater-nuclear-plant-pacific-ocean-protest/
[17] Burnie, S. (2020). The reality of the Fukushima radioactive water crisis. Greenpeace Germany.
[18] เมืองพัทยายอมรับปล่อยน้ำเสียลงทะเล ทุ่มงบ 19 ล้านเร่งแก้. (24 ตุลาคม 2560). เข้าถึงได้จาก ข่าวไทยพีบีเอส: https://news.thaipbs.or.th/content/266660
[19] เปิดสถิติ “ขยะทะเล” พลาสติกยังแชมป์ ปี 63 ไหลผ่าน 9 ปากแม่น้ำ 145 ตัน. (26 กุมภาพันธ์ 2564). เข้าถึงได้จาก ไทยรัฐ: https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2037841
บรรณานุกรม
A.Schreurs, M. (2021). Reconstruction and revitalization in Fukushima a decade after the “triple disaster” struck: Striving for sustainability and a new future vision. International Journal of Disaster Risk Reduction. Retrieved from International Journal of Disaster Risk Reduction: https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2212420920315089
Aerial view of the station in 1975, showing separation between units 5 and 6, and 1–4. Unit 6, not completed until 1979, is seen under construction. (n.d.). Retrieved from Wikipedia: https://en.wikipedia.org/wiki/Fukushima_nuclear_disaster#/media/File:Fukushima_I_NPP_1975_medium_crop_rotated_labeled.jpg
Bris, P. a. (2019, November 27). Impact of Japanese Post-Disaster Temporary Housing Areas' (THAs) Design on Mental and Social Health. Retrieved from National Library of Medicine: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/31783676/
Burnie, S. (2020). The reality of the Fukushima radioactive water crisis. Greenpeace Germany.
China: Japan's plan to dump radioactive water 'extremely irresponsible'. (2021, April 13). Retrieved from CGTN: https://news.cgtn.com/news/2021-04-13/China-expresses-serious-concern-over-Japan-s-plan-on-wastewater--ZqaLJ3mZXy/index.html
Craft, L. (2021, April 13). Protests as Japan says it will dump radioactive water from crippled Fukushima nuclear plant into the Pacific. Retrieved from CBS NEWS: https://www.cbsnews.com/news/japan-fukushima-radioactive-wastewater-nuclear-plant-pacific-ocean-protest/
Fukushima disaster: Nuclear executives found not guilty. (2019, September 19). Retrieved from BBC: https://www.bbc.com/news/world-asia-49750180
Fukushima disaster: What happened at the nuclear plant? (2021, March 10). Retrieved from BBC: https://www.bbc.com/news/world-asia-56252695
Fukushima nuclear disaster , effects of radiation and maps of radiation readings. (2011, June 25). Retrieved from Noor’s List: https://noorslist.wordpress.com/tag/japan/
Fukushima region forges renewable future after nuclear disaster. (2022, March 09). Retrieved from France 24: https://www.france24.com/en/live-news/20220309-fukushima-region-forges-renewable-future-after-nuclear-disaster
Fukushima: Japan 'to release contaminated water into sea'. (2020, October 16). Retrieved from BBC: https://www.bbc.com/news/world-asia-54566978
Hayakawa, M. (2016). Increase in disaster-related deaths: risks and social impacts of evacuation. ICRP, 123-128. Retrieved from National Library of Medicine: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/27703057/
IAEA, Japan Agree on Timeline for Safety Review of Water Release at Fukushima Daiichi. (2021, September 09). Retrieved from IAEA: https://www.iaea.org/newscenter/pressreleases/iaea-japan-agree-on-timeline-for-safety-review-of-water-release-at-fukushima-daiichi
Japanese PM declares nuclear power emergency situation. (2011, March 11). Retrieved from DW: https://www.dw.com/en/japanese-pm-declares-nuclear-power-emergency-situation/a-6467113
Little, J. B. (2019, January 16). Fukushima Residents Return Despite Radiation. Retrieved from Scientific American: https://www.scientificamerican.com/article/fukushima-residents-return-despite-radiation/
Luangdilok, W. (2020). The explosions at Fukushima Daiichi Unit 3 and Unit 4 and implications on the evaluation of 1F3 accident. Nuclear Engineering and Design, 1-10.
Nogrady, B. (2021, May 07). Scientists OK plan to release one million tonnes of waste water from Fukushima. Retrieved from Nature: https://www.nature.com/articles/d41586-021-01225-2
Pletcher, K. (2022, April 22). Japan earthquake and tsunami of 2011. Retrieved from Britannica: https://www.britannica.com/event/Japan-earthquake-and-tsunami-of-2011
Reuters. (2021, April 13). Countries react to Japan’s plans to release Fukushima water into ocean. Retrieved from Reuters: https://www.reuters.com/business/environment/countries-react-japans-plans-release-fukushima-water-into-ocean-2021-04-13/
S. Korea voices concerns about Japan's Fukushima water release plan. (2021, December 03). Retrieved from Yonhap News Agency: https://en.yna.co.kr/view/AEN20211203010000320
Toshiba to supply 46 onshore wind turbines in Fukushima. (2022, April 06). Retrieved fromVaisara: https://www.windtech-international.com/projects-and-contracts/toshiba-to-supply-46-onshore-wind-turbines-in-fukushima
Why Japan will release contaminated water from Fukushima into the ocean. (2021, June 4). Retrieved from Lifegate: https://www.lifegate.com/fukushima-water-release-safecast
เปิดสถิติ “ขยะทะเล” พลาสติกยังแชมป์ ปี 63 ไหลผ่าน 9 ปากแม่น้ำ 145 ตัน. (26 กุมภาพันธ์ 2564). เข้าถึงได้จาก ไทยรัฐ: https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2037841
เมืองพัทยายอมรับปล่อยน้้ำเสียลงทะเล ทุ่มงบ 19 ล้านเร่งแก้. (24 ตุลาคม 2560). เข้าถึงได้จาก ข่าวไทยพีบีเอส: https://news.thaipbs.or.th/content/266660
สถิติขยะในทะเลทั่วโลก 2022 มลพิษทางทะเลอยู่ใกล้แค่เอื้อม. (11 มกราคม 2565). เข้าถึงได้จาก Spring news: https://www.springnews.co.th/spring-life/819924